หลักปรัชญา โอะโมยยะริ Omoiyari ศิลปะการให้ความสำคัญกับผู้อื่น เล่มที่ 93 (จบ) จากซีรีส์ 99 เล่ม

คำว่า Omoiyari (โอะโมยยะริ) เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึง "การใส่ใจ" หรือ "การให้ความสำคัญกับผู้อื่น" ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาและวิธีคิดที่เน้นการให้ความสนใจในความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น การให้ความสำคัญกับความสุขและความดีของผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัว Omoiyari เป็นหลักปรัชญาที่มีความลึกซึ้งและเชื่อมโยงกับทั้ง วัฒนธรรมญี่ปุ่น และ แนวคิดทางจิตวิทยา ที่ส่งเสริมให้คนในสังคมสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน
1. ความหมายของคำว่า Omoiyari
คำว่า "Omoiyari" มาจากคำว่า "Omo" () ซึ่งหมายถึง "ความคิด" หรือ "ความรู้สึก" และ "Yari"
() ซึ่งหมายถึง "การกระทำ" หรือ "การแสดงออก" ดังนั้น Omoiyari จึงแปลว่า การกระทำที่เกิดจากความคิดหรือความรู้สึกที่ดีต่อผู้อื่น หรือ "การทำสิ่งดี ๆ เพื่อผู้อื่นจากความตั้งใจที่บริสุทธิ์"
ใน ภาษาญี่ปุ่น ปรัชญานี้มีรากฐานลึกซึ้งในวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันอย่างมีระเบียบและสันติของสังคมญี่ปุ่น ตั้งแต่ยุคโบราณ ซึ่งเน้นการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่ดีและการเคารพซึ่งกันและกัน
2. รากฐานทางวัฒนธรรมญี่ปุ่น
Omoiyari มีรากฐานในประเพณีและวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เน้นการเคารพผู้อื่นและการช่วยเหลือกันในสังคม ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ การที่ผู้คนญี่ปุ่นมักจะพยายามหลีกเลี่ยงการทำให้ผู้อื่นไม่สะดวกหรือเสียหน้า ด้วยการทำสิ่งที่ดีให้ผู้อื่นโดยไม่คาดหวังผลตอบแทน หลักการนี้เห็นได้จากการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การช่วยเหลือเพื่อนบ้าน การให้เกียรติผู้อื่น หรือการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของทุกคนในกลุ่ม
Omoiyari จึงไม่ได้จำกัดแค่การแสดงออกถึงความเอื้ออาทรในด้านการให้ แต่ยังหมายถึงการแสดงความใส่ใจในทุกแง่มุมที่ผู้อื่นอาจต้องการหรือรู้สึกถึง นี่เป็นการแสดงถึงความมีสติในความสัมพันธ์กับคนอื่นและการมีจิตใจที่เปิดกว้างเพื่อมองเห็นสิ่งที่ผู้อื่นต้องการ
3. Omoiyari ในสังคมญี่ปุ่นยุคเก่า
ในสมัยก่อน Omoiyari ถือเป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับ ศีลธรรม และ จริยธรรม การเคารพและให้เกียรติผู้อื่นเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิตทั้งในสังคมและในครอบครัว โดยเฉพาะในยุคเอโดะ (1603-1868) ซึ่งมีระบบชนชั้นและความสัมพันธ์ที่เป็นระเบียบชัดเจน การให้ความสำคัญกับผู้อื่นจึงเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความเป็นระเบียบและลดความขัดแย้งภายในสังคม
อีกทั้งการสอนให้คนในสังคมญี่ปุ่นรู้จัก "การคำนึงถึงผู้อื่น" ได้ถูกบ่มเพาะผ่านการศึกษาผ่านสื่อที่มาจากทั้งพุทธศาสนาและลัทธิขงจื๊อ โดยเน้นการยกระดับจิตใจในทางจริยธรรมและการสร้างสังคมที่มีความสงบสุข
4. Omoiyari ในยุคปัจจุบัน
ในยุคปัจจุบัน Omoiyari ยังคงเป็นหนึ่งในปรัชญาที่สำคัญในสังคมญี่ปุ่น แม้ว่าโลกจะหมุนไปอย่างรวดเร็วและมีความเปลี่ยนแปลงในด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ แต่ความสำคัญของการให้ความใส่ใจผู้อื่นและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในสังคมยังคงเป็นเรื่องที่มีค่ามาก ในหลาย ๆ สถานการณ์ ปรัชญานี้ถูกนำมาใช้ในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล การสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่าง และการทำงานร่วมกันในสังคมที่มีความหลากหลาย
ในด้านการศึกษาของญี่ปุ่น Omoiyari ยังคงถูกสอนให้เป็นหนึ่งในคุณค่าที่สำคัญ โดยมักจะมีการเน้นการสร้างความรับผิดชอบและความเอื้ออาทรให้กับเด็กและเยาวชน การพัฒนาให้คนรุ่นใหม่มีความเข้าใจถึงความสำคัญของผู้อื่นและการทำสิ่งดี ๆ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวจะช่วยสร้างสังคมที่ดีและเข้มแข็ง
5. Omoiyari ในบริบทของจิตวิทยา
ในทางจิตวิทยา Omoiyari สามารถเชื่อมโยงกับแนวคิดของ Empathy หรือความสามารถในการเข้าใจและรู้สึกตามความรู้สึกของผู้อื่น นอกจากนี้ยังสัมพันธ์กับแนวคิดของ Altruism หรือการทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทนจากผู้อื่น
หลายงานวิจัยในด้านจิตวิทยาแสดงให้เห็นว่า การมีความเห็นอกเห็นใจและการให้ความสำคัญกับผู้อื่นนั้นสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของตัวเองเช่นกัน เช่น การลดความเครียด การเสริมสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง และการมีความสุขในชีวิตที่ยาวนานขึ้น
สรุป
Omoiyari เป็นปรัชญาที่มีรากฐานจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นและมีอิทธิพลต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในสังคมอย่างลึกซึ้ง แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับผู้อื่นและความสามารถในการใส่ใจในความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น เพื่อสร้างสังคมที่มีความเข้าใจและการร่วมมือกัน ในปัจจุบัน Omoiyari ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความสุขและมีความหมาย ทั้งในชีวิตส่วนตัวและในบริบทของสังคมใหญ่ขึ้น