รวมปัญหาการจัดการธุรกิจและวิธีแก้ไขตามข้อกฎหมาย (ชื่อเดิม "เป็นได้แค่นักธุรกิจไม่พอ")

คํ า นํ า
จากนักธุรกิจ

ถ้าจะว่าไปแล้ว หนังสือเล่มนี้เป็นความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจกระจอกงอกง่อยอย่างผม ที่ทํางานในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและที่ปรึกษาทาง ธุรกิจมาตลอด 16 ปี กับนักกฎหมาย 2 ท่าน ที่ท่านหนึ่งมีความสามารถเป็น อย่างมากกับข้อกฎหมาย แทบจะว่าได้ว่าในสมองของเขาเต็มไปด้วยมาตราต่างๆ อันถ้าหากใครจะพูดถึงเรื่องอะไร เขาก็จะเอามาตราทางกฎหมายเข้า มาจับได้ทุกครั้งไป เขาคนนี้ ผมกําลังหมายถึง คุณวิเนตร ผาจันทา อีกท่านหนึ่งเป็นนักกฎหมายเหมือนกัน ท่านนี้ถนัดขึ้นโรงขึ้นศาล ว่าความมาร้อยเจ็ดย่านน้ํา ผ่านชีวิตที่ปนเปื้อนด้วยข้อกฎหมายมาอย่างโชกโชน ท่านนี้ ทนายชินโรจน์ ศรัณย์สมบัติ

เราสามคนโคจรมาเจอกัน แล้วก็อีกเช่นเคยล่ะครับ ว่าถ้าใครเจอผม ผมก็มีอัน ว่าเชิญท่านทั้งสองให้ช่วยเขียนหนังสือเล่มประวัติศาสตร์ของประเทศไทยให หน่อย

ผมบอกกับทนายทั้งสองไปว่า บ้านนี้เมืองนี้เต็มไปด้วยคนที่ทําธุรกิจโดยไช้ข้อกฎหมาย ทั้งๆ ที่ข้อกฎหมายเหล่านี้เป็นเรื่องที่จําเป็นอย่างยิ่งต่อการดําเนินธุรกิจ เช่น นักธุรกิจบางคนโอนหุ้นของตนโดยไม่ได้มีหนังสือโอนหุ้น

ซึ่งกฎหมายบอกว่าใช้บังคับกันไม่ได้เป็นโมฆะ เขาก็ยังนึกว่าภารกิจของตัว เรื่องโอนหุ้นได้จบสิ้นลงแล้ว แต่ที่ไหนได้ เจ้าหนี้ที่เป็นธนาคารยังตามม ที่โอนออกไปได้อีก งานนี้นักธุรกิจคนนี้แทนที่จะโอนหุ้นหนีหนี้ได้สําเร หมดเนื้อหมดตัวกับไอ้ความไม่รู้ และอีกมากมายหลายเรื่องหลายประการที่นั ธุรกิจผิดพลาดเกินที่จะอธิบายได้หมด

16 ปีแห่งความหลังของผมกับการทําธุรกิจแล้วเจ๊งด้วยตนเอง ด้วยการไม่รู้ ข้อกฎหมาย และกับการเจอะเจอเรื่องราวที่เกิดขึ้นในทํานองเดียวกันกับที่ผม เจอ ผมพบความจริงที่ยิ่งใหญ่ ว่า คนทําธุรกิจทุกคนจะพบจะเจอเรื่องราว อย่างกะที่ผมเจอ แสดงว่า ปัญหาของคนทําธุรกิจเกิดเหมือนกันซ้ำๆ ซากๆ หมายถึงว่า ผมก็เจอ ใครๆ ก็เจอ เอ๊ะแล้วแบบนี้ทําไมเราไม่เขียนหนังสือบอก พวกคนทําธุรกิจให้รู้ดํารู้แดงกันไปเลย ว่าท่านเป็นได้แค่นักธุรกิจไม่พอ

แนวทางการเขียนหนังสือเล่มนี้ ผมวางพล็อตเรื่องให้มีคนทําธุรกิจถามคํา ถามมาอย่างหลากหลาย โดยเป็นคําถามที่เริ่มต้นตั้งแต่ การตั้งกิจการบริษ บริหารงานกันไปแล้วเกิดข้อผิดพลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการโอนหุ้น การทะเลาะกับหุ้นส่วน ทะเลาะกับกรรมการ โดนโกง โดนหลอก โดนเบี้ยวสารพัด วิตกกังวลกับการต้องติดคุกอันเนื่องจากตีเช็คแล้วเด้ง และอีกมากมาย จริงๆ ที่คําถามได้พาให้เกิดการตอบทางกฎหมาย โดยทนายทั้งสองท่าน คุณวิเนตรและคุณชินโรจน์

คนอ่านยังไงก็รับรองว่าถูกใจแน่นอน เพราะหนังสือเล่มนี้คือผลึกทางความ คิดของผม และลูกค้าของผมคนทําธุรกิจ ซึ่งตลอดระยะเวลาอันยาวนานก็ เจอแต่เรื่องที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้

หนังสือเล่มนี้จึงอาจจะบอกว่าเป็นคู่มือที่คนทําธุรกิจพลาดไม่ได้

เอ้อ แล้วที่ถามกันมาบ่อยๆ ว่า ทําไมคนทําธุรกิจจึงไม่รู้เรื่องพวกนี้ ก คนทําธุรกิจไม่รู้ข้อกฎหมาย และไม่รู้ยังไม่เป็นไร บางคนไม่รู้และก็ไม่ใส่ ตัวเองจะต้องรู้ เขาพึ่งทนายไม่ฉลาดมาโดยตลอด งานนี้ก็ฉิบหายกันล่ะซิ ส่วนคําถามที่ถามมาเรื่อยๆ ว่า แล้วทําไมทนายไม่รู้ว่าคนทําธุรกิจมีปัญ เรื่องพวกนี้ ก็ตอบว่า ทนายยังไม่ได้ทําธุรกิจจึงนึกไปไม่ถึงว่าเรื่องตา ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ เป็นอะไรที่จําเป็นอย่างยิ่งยวดสําหรับคนทําธุรกิจ

เมื่อผมและทนาย 2 ท่าน มารวมตัวกันในหนังสือเล่มนี้ เรื่องราวก็ลงตัวกัน ไปหมด ...งานนี้คนทําธุรกิจก็คือนักกฎหมายคนหนึ่งล่ะครับ ต่างกันแค่เพีย ว่า คนทําธุรกิจไม่ได้จบปริญญาตรี นิติศาสตร์จากรั้วมหาวิทยาลัย

แต่ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ เพราะตอนนี้เขาเป็นได้มากกว่านักธุรกิจธรรมดาๆ คน หนึ่งแล้ว ที่บริหารจัดการธุรกิจได้เนี้ยบเหลือเกิน

เนี้ยบจนกระทั่งบางทีเขาอาจจะเปลี่ยนใจเปิดบริษัทรับเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ธุรกิจก็เป็นได้

ชาย กิตติคุณาภรณ์
www.fpmcource.com
www.advicefpm.com
E-MAIL : sumrej2011@gmail.com

จากทนายความ
ผมต้องใช้เวลาอยู่นาน เช่นเดียวกับนักเขียนทั่วไปที่กว่าจะค้นพบว่าตัว ถนัดทางด้านไหนก็ต้องลองผิดลองถูกอยู่นาน แต่ผมอาจโชคดีกว่าคนอื่นครับ พอผมเริ่มเขียนคอลัมน์คลีนิคทนายลงใน WEBSITE ของ FPM ทุกสัปดาห์ คุณชาย กิตติคุณาภรณ์ อาจารย์ที่ปรึกษาทางการเงินและธุรกิจ ผู้ฝึกเพลงดาบทางการเขียนให้กับผมได้ชักชวนให้ผมกับเพื่อน ทําหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ผมกับเพื่อนตอบตกลงในทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน และเริ่มลงมือเขียนจนได้หนังสือชื่อว่า “เป็นได้แค่ นักธุรกิจไม่พอ” ที่ท่านถือ

สําหรับคอลัมน์ของผม ผมได้เริ่มตั้งแต่การทําธุรกิจในรูปแบบของนิติบุ การจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท และบอกสูตรการคํานวณทุนจดทะเบียนของ บริษัทว่าจะจดทะเบียนเท่าไหร่ดี การขายหุ้นแบบมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นได้อย ไร ถ้าหนังสือบริคณห์สนธิไม่ได้ให้อํานาจไว้ ไปจนถึงการเลิกห้างหุ้นส่วน บริษัทตามที่กฎหมายกําหนด นอกจากนี้ผมยังมีกฎหมายหลากหลายเรื่อง เกี่ยวกับธุรกิจ เช่น สัญญาจ้างทําของ สัญญาจ้างแรงงาน และรู้วิธีการออกเช็คว่าต้องทําอย่างไรจึงจะไม่เป็นความผิดทางอาญา นอกจาก หลักกฎหมายแล้ว ผมยังได้ถ่ายทอดประสบการณ์จากการทํางานในอาชีพ ทนายความมาตลอดเวลา 14 ปี เอาไว้ในแต่ละเรื่องพร้อมคําพิพากษาของศาลฎีกาที่สําคัญ เพื่อให้ง่ายแก่การทําความเข้าใจ

ทั้งหมดคือเบื้องหลังการทําหนังสือเล่มนี้เท่าที่ผมพอจะนึกออก และหวัง หนังสือเล่มนี้จะมีประโยชน์สําหรับนักธุรกิจและผู้สนใจ ตลอดจนนักกฎหม ทั่วไปไม่มากก็น้อย และใคร่ขอขอบคุณ คุณชาย กิตติคุณาภรณ์ อีกครั้งหน ที่ได้ให้ความไว้วางใจแก่ทนายผู้รักการว่าความเป็นชีวิตจิตใจคนนี้ ได้มาเ หนังสือกับเขาบ้าง และที่จะลืมเสียไม่ได้ก็คือ ต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่าน การสนับสนุน นักเขียนจะอยู่ไม่ได้ถ้าขาดคนอ่าน..จะชมหรือจะด่าเราไม่ว่ากั ขอเพียงให้มีคนอ่านก็แล้วกัน ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆ

ชินโรจน์ ศรัณย์สมบัติ

จากนักกฎหมาย
หนังสือเล่มนี้ ผมได้เขียนขึ้นเพื่อให้ความรู้กับคนที่คิดจะเดินเข้ามา ธุรกิจ หรือคนที่เดินเข้ามาแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่ากฎหมายกับธุรกิจนั้นมีสําคัญและผูกพันกันชนิดแยกกันไม่ออก จริงอยู่ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด แอบอ้างว่าไม่รู้กฎหมายจึงได้กระทําความผิด อย่างนี้คงไม่น่ารับฟัง กฎหมายใช่สิ่งที่ยากเกินไปขอเพียงแต่เราให้ความรักและมีเหตุผลในการอ่าน พยายามที่จะทําความเข้าใจกับมัน ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะกฎหมายเขียนขึ้นมาจากหลักของเหตุผล และหลักความจริงตามธรรมชาติของมนุษย์

การศึกษากฎหมายเป็นการทําความเข้าใจอย่างมีเหตุมีผล ฉะนั้นการศึกษากฎ หมายเพื่อใช้ทําธุรกิจ หรือใช้กับชีวิตประจําวันก็ไม่จําต้องไปเรียนเพื่อปริญญาตรีนิติศาสตร์ ดูตัวอย่างหลายๆ คนที่ท่านอ่านกฎหมายได้อย่างเข้าอกเข้าใจเจตนารมณ์อันแท้จริงของกฎหมาย ชนิดที่นักกฎหมายที่จบปริญญาตรีนิติศาสตร์ยังงงๆ ในตัวเขา เช่น ยายไฮผู้โด่งดังที่แกอ่านกฎหมายเพื่อความยุติธรรมให้กับตัวแกเอง หวังจะใช้ความยุติธรรมจากกฎหมายเรียก ร้องที่ดินที่แกหวงแหนที่สุดในชีวิตคืนมา หรืออีกคนที่ผมได้รู้จักคือ ท่านหนึ่งที่ชวนผมมาเขียนหนังสือเล่มนี้ ท่านก็ไม่ได้จบปริญญาตรีนิติ แต่อ่านกฎหมายและวิเคราะห์กฎหมายเข้ากับธุรกิจได้อย่างลึกซึ้ง ชนิดผมเองที่จบนิติศาสตร์โดยตรงต้องตะลึงในความสามารถของท่าน ท่านผู้นั้นก็คือคุณชาย กิตติคุณาภรณ์ นั่นเอง

ฉะนั้น กฎหมายนั้นมีความจําเป็นที่นักธุรกิจทุกท่านจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะหากท่านละเลยไม่ใส่ใจศึกษา อาจนําพาไปสู่การตัดสินใจบริหาร งานอย่างผิดพลาด นําความวินาศมาสู่ธุรกิจที่ท่านรักได้ไม่ถูกอีกอย่างท่านจะ เพื่อนนักธุรกิจหรือแม้แต่ทนายความเองหลอกและเอารัดเอาเปรียบท่าน

กระผมหวังว่า หนังสือเล่มนี้คงเป็นประโยชน์กับคนที่คิดทําธุรกิจหรือที ธุรกิจอยู่ แต่ยังหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของกฎหมายใ ทําธุรกิจไม่ได้ พวกเขาจะใช้หนังสือเล่มนี้ วางแผนในการทําธุรกิจให้ประสพ ความสําเร็จได้ โดยไม่ผิดพลาดอีกต่อไป

ท้ายนี้ หากหนังสือมีข้อผิดพลาด กระผมขอให้ท่านติชมมาได้ที่บริษัทและจ ทําการปรับปรุงให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป และสิ่งที่ผมจะขอลืมไม่ได้ที่จะขอก ท้ายนี้ ก็คือ ขอขอบพระคุณบิดามารดา ผู้ที่อุปการะกระผมและขอบคุณครู อาจารย์ด้านกฎหมายทุกท่านที่ได้ให้ความรู้กับตัวผมจนสามารถถ่ายทอดออก มาเป็นหนังสือเล่มนี้ได้

และบางครั้งอาจทําให้ผมเปลี่ยนใจจากนักกฎหมายกลายมาเป็นนักธุรกิจก็เป็นได้

วิเนตร ผาจันทา