เจ้าหนี้สะอื้น วิธีปรับโครงสร้างหนี้

จริงๆ แล้วหนังสือเล่มนี้มีสาระสําคัญของเนื้อหาคือ สอนให้คนทําธุรกิจรู้จักวิธีการปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ที่เป็นเจ้าหนี้การค้า เจ้าหนี้บัตรเครดิต หรือแม้แต่เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน (ธนาคารและบริษัทเงินทุน) แต่ที่ตั้งชื่อโดยใช้ประโยคที่แสดง อาการสะอึกสะอื้นของเจ้าหนี้ว่า “เจ้าหนี้สะอื้น” เป็นเพราะถ้าคนทําธุรกิจที่อยู่ในฐานะของลูกหนี้ที่กําลังประสบปัญหาการชําระหนี้คืน หรือพูดภาษาที่เข้าใจกันในแวดวงธนาคารว่า ลูกหนี้ NPL ที่อยู่ในอาการโคม่า ร่อแร่ จะตายมิตายแหล่ แต่ทําไมการปรับโครงสร้างหนี้ที่ลูกหนี้ เองตกอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบกลับจะได้เปรียบ ได้รับประโยชน์มากมายอย่างเหลือเชื่อ พาให้เหตุการณ์กลับพลิกผันกลายเป็นว่า ลูกหนี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ และคนเป็นลูกหนี้ทุกคนกลับขอบคุณเหตุการณ์ความโชคร้ายจากการเป็นหนี้ที่ดูแล้วไม่มีใครพึงปรารถนา เข้าทํานองว่าในวิกฤติมีโอกาส ในโชคร้ายมีโชคดี นี่เองกระมังที่เจ้าหนี้ต้องสะอื้น เพราะความโชคดีของลูกหนี้ก็คือความโชคร้ายที่เจ้าหนี้ได้รับนั่นเอง

คนอ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้คงจะงง ยังไม่เข้าใจ ขออธิบายว่าความโชคร้ายที่เจ้าหนี้ได้รับเป็นเพราะเจ้าหนี้ต้องทําใจลดดอกเบี้ยที่ค้างมาตั้ง 3 ปี หรือมากกว่านั้นให้กับลูกหนี้ทั้งหมด ดังนั้นอย่าถามว่าถ้าลูกหนี้ค้างดอกเบี้ยมาไม่กี่เดือนจะลดได้มั้ย ขอตอบว่า หมู

ทําใจตัดลดเงินต้น อย่างกู้มา 100 ขอคืนแค่ 70 เจ้าหนี้ ได้แต่ทําตาปริบๆ ไม่รู้จะทําอย่างไร ได้แต่บอกว่า เออ...ตามนี้

หรือแม้แต่จะขอตีทรัพย์หลักประกันเงินกู้ชําระหนี้ ตลอดจนบอกเจ้าหนี้ให้เอาหนี้ที่ลูกหนี้ติดค้างอยู่เอาเป็นหุ้น และมอบหุ้นของบริษัทลูกหนี้ให้กับเจ้าหนี้ไป เจ้าหนี้ก็ได้แต่ส่ายหน้า และตามติดมาด้วยการพยักหน้าตกลงยอมรับ

ทําไมเจ้าหนี้ต้องยอมลูกหนี้ถึงขนาดนี้ด้วยล่ะ มันมีเทคนิควิธีการอย่างไรที่จะทําให้เจ้าหนี้ยอมรับ ทั้งๆ ที่เจ้าหนี้เสียหาย หนังสือเล่มนี้บอกเคล็ดลับที่เจ้าหนี้ไม่มีวัน การให้ลูกหนี้รับรู้แม้แต่น้อย แต่ที่หนังสือนํามาตีแผ่เพราะวิธีการปรับโครงสร้างหนี้เป็นวิธีการที่จะทําให้เจ้าหนี้ได้รับเงินคืน เพราะถ้าหากไม่ปรับโครงสร้างหนี้ เจ้าหนี้อาจไม่ได้รับเงินคืนมากเท่าที่ควร (การได้รับเงินคืนมาก ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหนี้จะต้องได้เงินทุกบาททุกสตางค์ ที่เจ้าหนี้สมควรจะได้รับตามจํานวนเงินกู้ที่ปล่อยไป เช่น ปล่อยไป 100 อาจได้รับมากที่สุดแค่ 70 เท่านั้นเอง) และวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ก็ถือเป็นกติกาทางธุรกิจที่เจ้าหนี้มีสิทธิเต็มที่ที่จะตัดลด ปรับเงื่อนไขการชําระหนี้กับลูกหนี้ได้ ขอแค่เจ้าหนี้พอใจ นอกจากนี้กรณีเจ้าหนี้ที สถาบันการเงิน (ธนาคาร) วิธีการปรับโครงสร้างหนี้ก็ตกอยู่ภายใต้การกํากับของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้วางหลักเกณฑ์การปรับโครงสร้างหนี้เอาไว้ อย่างดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ค้างเกินกว่า 3 เดือน ธนาคารสามารถตัดลดให้กับลูกหนี้ได้ทั้งหมดโดยไม่ถือว่าธนาคารเจ๊งหรือเสียหายอะไร

สรุปความว่าวิธีการปรับโครงสร้างหนี้มีกรอบกติกาวาง กําหนดเอาไว้อยู่แล้ว ว่ากรณีลูกหนี้รายใดควรจะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้เช่นไร ดังนั้นหากท่านผู้อ่านที่เป็นคนทําธุรกิจเป็นคนกู้เงิน เป็นหนี้บัตรเครดิตท่วมตัว ล้วนมีสิทธิเจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ได้ทุ และทุกคนก็มีสิทธิร้องขอสิทธิพิเศษอย่างน้อยที่สุดก็คือการขอลดดอกเบี้ยที่ค้างทั้งหมด และอย่างมากก็คือการขอลดเงินต้นลงอีกด้วย

ข้อมูลในหนังสือเล่มนี้จะช่วยทําให้ท่านหูตาสว่าง เห็น ลู่ทางต่อการแก้ปัญหาหนี้ที่กําลังทับท่วมตัวท่าน เพื่อให้ท่านไม่ตายไปกับกองหนี้ และในขณะเดียวกันก็ถือเป็นการช่วย เจ้าหนี้ด้วยแม้เจ้าหนี้จะเสียหายอย่างไร แต่อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็ได้รับชําระหนี้อย่างทั่วถ้วน ไม่ต้องรอการยึดทรัพย์ที่เมื่อขายทอดตลาดเมื่อใดก็ไม่มีคนซื้อ

ปิดท้ายคํานํานี้ ก็ขอบอกว่า หนังสือเล่มนี้จะพาท่านให้เข้าสู่นิยามของประโยคที่ว่า “รู้เขา รู้เรา ปรับโครงสรางหนี้กี่ครั้ง ก็ประสบความสําเร็จทั้งหมด”

ชาย กิตติคุณาภรณ์
www.fpmcource.com
www.advicefpm.com
E-MAIL : sumrej2011@gmail.com