เจ้าหนี้สะอื้น 2 เคล็ดลับปรับโครงสร้างหนี้ให้สำเร็จ

เจ้าหนี้สะอื้นตอนที่ 2 ที่ผมให้ชื่อว่า “เคล็ดลับปรั บโครงสร้างหนี้ให้สําเร็จ” ถือเป็นภาคต่อจากเจ้าหนี้สะอื้น “วิธีปรับโครงสร้างหนี้” ซึ่งเล่มนี้มีเนื้อหาที่เน้น หลักการ วิธีการ และศิลปะที่คนเป็นหนี้จะต้องพัฒนาให้เกิดมีขึ้นในตน เพื่อให้เกิดวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ ผลเป็นความสําเร็จ เพราะลําพังการรู้ทางวิชาการต่อวิธีการปรับโครงสร้างหนี้อย่างเดียวคงยังไม่พอ คนเป็นหนี้จําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักศิลปะที่ต้องนําไปผสมผสานกับวิธีการ เพื่อให้เกิดความพริ้วไหว ความมั่นใจ ความไม่กลัว ความไม่วิตกกังวล ความสบายใจ ในขณะที่ กําลังดําเนินการปรับโครงสร้างหนี้อยู่

ศิลปะที่ถือเป็นเคล็ดลับ เป็นความลับที่เป็นเงื่อนไขต่อความสําเร็จ เป็นเรื่องที่คนเป็นหนี้เกือบจะทั้งหมดไม่เคยรับและรับรู้มาก่อน มันไม่ต่างอะไรกับการที่คนเป็นหนี้เกิดอาการผีบังตา เกิดอาการเกาไม่ถูกที่คัน เกิดอาการขว้าง งูไม่พ้นคอ จึงทําให้สถานการณ์การเป็นหนี้ที่ใช้คืนไม่ ร้ายยิ่งขึ้นๆ ไป จนสุดท้ายคนเป็นหนี้ก็หนีไม่พ้นหายนะ

หายนะของคนเป็นหนี้มีอยู่จริง หากคนเป็นหนี้ไม่มีความเข้าใจศิลปะที่ถือเป็นเคล็ดลับต่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้สําเร็จ ซึ่งเคล็ดลับที่ในหนังสือเล่มนี้บอกเอาไว้ ก็เป มีลักษณะอาการไม่ต่างอะไรจากภาวะเส้นผมบังภูเขา หรือ อาการที่ตามองไม่เห็นขนตาตัวเอง ทั้งๆ ที่ขนตาก็มีอยู่จริง มันอยู่ใกล้ตัวจนตาตัวเองไม่สามารถจะจับภาพได้

ศิลปะที่เป็นเคล็ดลับที่มีอยู่จริงในตัวคนเป็นหนี้ทุกคนที่ยากที่จะมองเห็นได้ หากใครสามารถรับรู้ความจริงของ ศิลปะเหล่านี้ได้ คนเป็นหนี้ทุกคนจะเกิดอาการหายป่วย และเข้าสู่ภาวะ ที่ “ดี 7 หน” หลังจากเกิดเหตุการณ์ “ชั่ว 7 ที” ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

อาการชั่ว 7 ที ดี 7 หน เป็นสัจธรรมความจริงที่เกิดขึ้น คนเป็นหนี้ทุกคนที่ปรากฏ พบว่าตัวเองมีศิลปะ หากปราศจากศิลปะ คนเป็นหนี้จะดําดิ่งสู่อาการ ชั่ว 7 ที โดยไม่มีอาการดี 7 หน ซึ่งนั่นหมายถึง ความหายนะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ท่านที่อ่านคํานํามาถึงตรงนี้ คงจะมีข้อสงสัยว่า ศิลปะ อะไรว่ะ ที่มีอิทธิพลต่อการหายจากอาการเป็นหนี้ที่ไม่มีปัญญาใช้คืน ตรงนี้ขอบอกว่า ศิลปะที่ว่านั้น ก็คือ การเข้าใจความจริงของชีวิตอย่างแจ่มแจ้งว่า เหตุแห่งการเป็นหนี้เกิดขึ้นเพราะสาเหตุอะไร และเหตุแห่งการจ่ายคืน หนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอะไร ซึ่งการพิจารณาใคร่ครวญด้ ใจเป็นธรรมจะทําให้คนเป็นหนี้เกิดอาการดวงตาเห็นธรรม เห็นถึงความบกพร่องต่อการบริหารจัดการธุรกิจและชีวิตของตน จนเกิดอาการส่ายหน้าและยอมรับ ว่าตนเองนั้นเป็นผู้ก่อความผิดพลาดขึ้นทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เองป่วยการที่จะมานั่งวิตกกังวล เครียด กลุ้มใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กับการเป็น หนี้ที่ถูกเจ้าหนี้ทวงเช้า กลางวัน เย็น สู้เอาเวลามาพัฒนาวิธีการบริหารจัดการในรูปแบบ ใหม่ที่ตนเองไม่เคยทํามาก่อน เช่น เลิกอาการพูดมากแต่ไม่ทํา มาเป็นอาการพูดน้อยแต่ทํามาก เลิกการเชื่อผู้อื่นหันมาเชื่อปัญญาตนเอง เลิกการหวังหาประโยชน์จากผู้อื่น หันมาหาความจริงที่จริงใจ แบบไม่มีอาการเสแสร้งแกล้งทํา เลิกอาการหน้าใหญ่ ขี้อวด ขี้โม้ และขี้คุย หันมาหา ความสงบ หาความสุขจากความเงียบ ฯลฯ ซึ่งความ เปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นใหม่นี้จะสร้างพลังมหั พลังอํานาจ หรือใครจะเรียกว่า พลังวิเศษก็ได้ พลังในความหมายที่หลากหลายนี้ สรุปรวมเรียกว่า ปัญญา เมื่อคนเป็นหนี้พัฒนาปัญญาขึ้นมาได้ บวกรวมกับการรู้ศาสตร์ที่เป็นวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ ตามที่หนังสือนี้และอีกเล่มที่ได้เกริ่นเอาไว้ตอนต้นที่ได้ออกมาก่อน คนเป็นหนี้ก็จะดําเนินการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยอาการ ของคนที่เข้าใจไปหมดเสียทุกเรื่อง ไม่มีอาการวิตกกังวล ย้ำ คิดย้ำ ทํากับอดีตที่ผิดพลาด และกลัวกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง คนเป็นหนี้จะง่วนอยู่กับการทําหน้าที่ในงานภายใต้วิธีการบริหารแบบใหม่ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากความเข้าใจ ตนเองอย่างครบถ้วนและถูกต้องแล้ว ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น จึงล้วนแต่จะประสบความสําเร็จ เกิดอาการดี 7 หน ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทําให้การปรับโครงสร้างหนี้สําเร็จลุล่วงไปได้

สรุปความว่า หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงสอนให้ท่านเข้าใจศาสตร์ (วิชาการ) เท่านั้น แต่ยังสอนให้ท่านเข้าใจศิลปะ ซึ่งทุกความสําเร็จใดๆ ต้องเกิดขึ้นจากการรวมศาสตร์และศิลปะให้ได้ ปราศจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความสําเร็จจะเป็นเรื่องของความฝัน

หวังว่าคนเป็นหนี้ทุกคนที่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ได้รับประโยชน์อย่างเหลือเชื่อ และหากคนอ่านติดขัดหรือ มีคําถามและข้อสงสัยใดๆ สามารถ E-mail มาถามผมได้ ผมยินดีตอบคําถามให้โดยไม่คิดเงิน

ชาย กิตติคุณาภรณ์
www.fpmcource.com
www.advicefpm.com
E-MAIL : sumrej2011@gmail.com