ล็อกอินเข้าระบบ
เข้าระบบผ่าน Social Network
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Line
เข้าสู่ระบบด้วย Apple
เข้าสู่ระบบด้วย Google
หรือ เข้าระบบด้วยบัญชี meb
จำ Password ไม่ได้
จำ Username ไม่ได้
หากยังไม่สมัครบัญชี meb โปรด
สมัครสมาชิก
สมัครสมาชิก MEB Account
กรุณาใส่ข้อมูลที่มีเครื่องหมาย * ให้ครบถ้วน
Username
*
ต้องมีไม่ต่ำกว่า 4 ตัวอักษร และยาวไม่เกิน 32 ตัวอักษร และใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ a ถึง z, A ถึง Z หรือเครื่องหมาย _-@.
Password
*
ระบุอย่างน้อย 8 ตัว
Retype Password
*
E-mail
*
Display name
*
Phone
ระบุเฉพาะตัวเลข
First Name
Last Name
Gender
Not specified
Male
Female
ส่งข้อมูล
ล็อกอินเข้าระบบ The1
สำหรับผู้ที่มีบัญชี meb อยู่แล้ว
ครอปรูปภาพ
ล็อกอินเข้าระบบ / สมัครสมาชิก
ล็อกอินเข้าระบบ
ตะกร้า
จัดการอีบุ๊กที่วางขาย
จัดการอีบุ๊ก
อีบุ๊กทั้งหมด
เมนู
อีบุ๊กทั้งหมด
นิยายทั้งหมด
นิยายแปล
การ์ตูนทั้งหมด
อีบุ๊กทั่วไป
หนังสือเด็ก
หนังสือเรียน
หนังสือเสียง
บุฟเฟต์
หมวดหมู่ทั้งหมด
สำนักพิมพ์
เลือกหมวดหมู่ย่อย
ค้นหาสำนักพิมพ์
หน้าแรก
ขายดี
มาใหม่
โปรโมชัน
ฟรีกระจาย
ฮิตขึ้นหิ้ง
แนะนำ
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนดำเนินรายการด้วยค่ะ
ล็อกอินเข้าระบบ
กรุณายืนยันบัตรประชาชนก่อนดำเนินรายการด้วยค่ะ
ไปยืนยันบัตรประชาชน
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลบัตรประชาชน
กรุณาดำเนินการใหม่อีกครั้งในภายหลังค่ะ
ขออภัยค่ะไม่สามารถเข้าชมได้
เนื่องจากเนื้อหาเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
คุณสามารถให้กำลังใจนักเขียนได้ โดยให้ทิปเพิ่มจากราคาปกติ
จดหมายถึงลูก 3
โดย
ชาย กิตติคุณาภรณ์
สำนักพิมพ์
ชาย กิตติคุณาภรณ์
หมวดหมู่
บริหารจัดการ
ทดลองอ่าน
ซื้อ 120 บาท
No Rating
อยากได้
ซื้อเป็นของขวัญ
ติดตาม
นักเขียน
ชาย กิตติคุณาภรณ์
สำนักพิมพ์
ชาย กิตติคุณาภรณ์
หมวดหมู่
บริหารจัดการ
แชร์
Facebook
Twitter
LINE
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
09 พฤษภาคม 2563
ความยาว
188 หน้า
ราคาปก
250 บาท (ประหยัด 52%)
จดหมายถึงลูก 3
โดย
ชาย กิตติคุณาภรณ์
ชาย กิตติคุณาภรณ์
บริหารจัดการ
ทดลองอ่าน
ซื้อ 120 บาท
No Rating
อยากได้
ซื้อเป็นของขวัญ
ติดตาม
นักเขียน
ชาย กิตติคุณาภรณ์
สำนักพิมพ์
ชาย กิตติคุณาภรณ์
หมวดหมู่
บริหารจัดการ
แชร์
Facebook
Twitter
LINE
วันนี้เป็นวันที่พ่อตั้งใจจะเขียนคํานําของหนังสือ “จดหมายถึงลูก เล่มที่ 3 และก็บังเอิญอีกล่ะลูกที่เช้านี้พ่อเปิดวิทยุฟังหลวงพ่อที่มีคนนับถือศรัทธากันทั่วบ้านทั่วเมือง เทศน์สอนเรื่อง คนรวยกับคนไม่รวย ว่าคนที่รวยขึ้นมาได้ เขาไม่ได้ใช้ปัญญา แต่ใช้อุบายทำให้หน้าที่การงานของเขาประสบความสําเร็จขึ้นมา เขาเลยกลายไปเป็นคนรวย แต่แม้ว่าเขารวยแล้ว เขาก็ยังขาดปัญญาอยู่ แต่กับคนที่ไม่รวย แต่มีปัญญา เขาจะรู้จักการละ การให้ เขาจะไม่สนใจ ว่าความร่ํารวยมีสาระมีความสําคัญ เขาจะเห็นว่าการทําบุญเป็น เรื่องที่ทําให้เขาร่ํารวยขึ้นมาได้ในชาติหน้า ด้วยเหตุนี้เขาจ กระทําสมาธิภาวนา เพื่อมุ่งหาปัญญามากกว่าที่จะมุ่งทํางานเพื่อหาเงิน ชีวิตของเขาจึงพบแต่ความสุข ความสงบ กลายเป็นว่าไม่ต้องรวย แต่มีปัญญากลับจะดีกว่ารวยแต่ไม่มีปัญญา
พ่อฟังหลวงพ่อเทศน์ด้วยใจที่ไม่เห็นด้วยกับคําสอนของหลวงพ่ 100% สาเหตุก็เป็นเพราะ หลวงพ่อกําลังบอกญาติโยมว่า ทางไปสู่ปัญญา ซึ่งปัญญาจะพาให้คนพ้นทุกข์ได้ และไม่ใช่เพียงแค่พ้นทุกข์ได้ ยังทําให้ชีวิตในภพหน้า ชาติหน้าดีกว่าในชาตินี้อีกด้วยไร เป็นอะไรที่หากใครมุ่งที่จะพัฒนาให้ตัวเองกลายไปเป็นคนรวย ใครคนนั้นจะพลาดการก้าวสู่การพัฒนาปัญญา หลวงพ่อกําลังบอกเป็นนัยว่า ความสําเร็จในทางโลกและในทางธรรมเป็นอะไรที่เปรียบได้กับเส้น ขนาน จะไม่มีทางมาบรรจบกลายเป็นเส้นตรงเดียวกันได้
สําหรับพ่อ พ่อไม่สนใจคําสอนของหลวงพ่อ ต่อกรณีนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคารพนับถือหลวงพ่อ พ่อเพียงแต่เลือกรับเอาสิ่งที่พ่อพิจารณาแล้วว่า หลวงพ่อพูดถูกนํามาปฏิบัติ ประเด็นใดที่จิตพ่อบอกว่า หลวงพ่อยังสอนไม่ถูกอยู่ พ่อก็จะไม่รับเอามาปฏิบัติก็เท่านั้น
ที่พ่อไม่สนใจ พ่อมีความเข้าใจแบบนี้ลูก
(1) พระพุทธเจ้าบัญญัติวิธีการดับทุกข์โดยแสดงผ่านอริยสัจสี ที่ 4 หรือที่พ่อสอนลูกในหนังสือเล่มนี้มากเหลือเกิน ต่อเรื่องหนทางอันประเสริฐ หรือมรรคมีองค์แปด ว่าเป็นหนทางหรือแนวทางการปฏิบัติสู่การหลุดพ้นจากกองทุกข์
ในหนังสือพ่อยังขยายความแบบเจาะลึกให้ลูกต้องเข้าใจให้ได้ว่า “ทางดับทุกข์กับทางไปสู่ความร่ํารวยเป็นทางเดียวกัน” เพราะหากไม่เป็นทางเดียวกัน ทําไมมรรคมีองค์แปดจึงมีข้อหนึ่งที่ระบุใ ทุกคนต้องมีสัมมาอาชีวะ หรือมีการงาน อาชีพที่รัก ที่สุจริต หาเลี้ยงตัวเอง ควบคู่ไปกับการมีสติ มีสมาธิ มีกัมมันตะ มีวายามะ มีวาจาที่ดีที่ชอบ เพื่อบรรทัดสุดท้ายจะเกิดปรากฏการณ์ สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ ปัญญา) และสัมมาสังกัปปะ (ความดําริออก จากกาม) ขึ้นได้เอง
ประเด็นการบัญญัติ สัมมาอาชีวะในมรรคแปด ยืนยันชัดเจนว่า ฆราวาสแบบเราๆ ที่ไม่ได้บวชเป็นพระบวชเป็นชี หากมุ่งปฏิบัติงานอย่างหนักอย่างทุ่มเท ปัญญาก็เกิดขึ้นได้ โดยระหว่างการปฏิบัติงาน เงินที่เกิดจากงานก็ถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้น สรุปว่าทางสายสร้างให้เกิดปัญญา สร้างขึ้นได้จากสัมมาอาชีวะใน มรรคแปด คนจึงกลายเป็นคนที่รวยได้ เพราะเกิดกระบวนการ
พัฒนาปัญญามาโดยตลอด
(2) ความเข้าใจตามข้อ (1) เป็นผลมาจากการใคร่ครวญพิจารณา คําสอนของท่านพุทธทาสแห่งสวนโมกขพลาราม และนําคําสอนที่ว่า “การทํางานคือการปฏิบัติธรรม” มาปฏิบัติอย่างจัดหนักตลอ ระยะเวลา 20 ปี ทําให้พ่อรู้ว่าการทํางานที่มุ่งไปสู่ความร่ําร ให้เกิดขณิกสมาธิ (สมาธิชั่วคราว) ได้เองตามธรรมชาติ ถือเป็น การเกิดขึ้นของอาการสัมมาสมาธิ และในสมาธิทําให้เกิดสติ (สัมมาสติ) พาให้เกิดการระลึกรู้ตัวทั่วพร้อมทั้งกายและใจโดยตลอด และในงานอีกเหมือนกันที่ทําให้เกิดความเพียรพยายามถึงขั้นยอมตาย หากทํางานไม่สําเร็จ ถือเป็นการเกิดขึ้นของอาการ สัมมาวายามะ ที่ทั้ง 3 อาการที่เป็นผลจากการปฏิบัติงาน จัดเป็นหมวดของสมาธิโดยตรง
ในงานที่มุ่งไปสู่ความร่ํารวย ยังทําให้คนเกิดสถานการณ์ที่การรักษาศีล 5 เกิดขึ้นได้เอง โดยไม่จําเป็นต้องฝืนบังคับให้ตัวเองต้องรักษาศีลอย่างเคร่งครัด เพราะในงานทําให้เกิดการเลือกทํากิจกรรมที่มีคุณประโยชน์กับชีวิต จะไม่มีทางหนีไปเที่ยวเตร่ ไปดูการละเล่น ไปเล่นการพนัน ถือเป็นการเกิดขึ้นของอาการ สัมมากัมมันตะ (การงานชอบ) ได้เอง และในงานยังทําให้เกิด อาการพูดน้อยลง พูดแต่เรื่องที่จําเป็น เรื่องที่ควรพูด และเป็นประโยชน์ ทําให้เกิดอาการสัมมาวาจา คนจะเบื่อการพูดที่ไร้สาระ ไปโดยปริยาย ซึ่งทั้งหมดของการงานอาชีพ (สัมมาอาชีวะ) อาการสัมมากัมมันตะ และอาการสัมมาวาจา รวมอยู่ในหมวดศีล ที่พาให้เกิดอาการรักษาศีลได้เองได้ครบโดยไม่ต้องฝืนบังคับ
เมื่อศีลก็ครบ สมาธิก็ครบ ปัญญาหรืออาการสัมมาทิฏฐิ และ อาการที่ใจดําริออกจากกาม (อาการสัมมาสังกัปปะ) ก็เกิดขึ้นเอง โดยไม่ต้องฝืนบังคับเช่นกัน
คนที่ทํางานมากๆ จึงกลายไปเป็นคนรวยได้ เพราะเกิดกระบวนการศีล สมาธิ พาให้เกิดปัญญาตลอดเวลา ต่างกับคนที่ปฏิเสธการทํางาน แล้วมุ่งจะสร้างให้เกิดปัญญา ผ่านวิธีการหนีโลก หนีงาน เข้าวัดตามหลวงพ่อไปฝึกหลับตานั่งสมาธิ เพื่อให้ได้ปัญญามาแก้ปัญหา มาทําชีวิตให้ดีขึ้น จึงไม่มีทางสําเร็จได้ และเมื่อไม่ส หลวงพ่อก็เลยบอกว่า ให้ทําบุญเยอะๆ จะได้ประสบความสําเร็จใน
ชาติหน้าไงล่ะลูก
จริงๆ แล้วเรื่องที่หลวงพ่อสอนว่า คนรวย ไม่ได้ใช้ปัญญา ใช้แค่เพียงอุบาย คนไม่รวยกลับจะใช้ปัญญาได้ เพราะเห็นว่าความรวย ไม่มีประโยชน์ ไม่มีความหมายกับชีวิต บุญต่างหากที่มีความหมายมากกับชีวิต คนไม่รวยที่บริจาคจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญา ลดอาการยึดมั่นถือมั่นต่อทรัพย์ได้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง คนรวยที่รวยจริงผ่านการปฏิบัติต่อสัมมาอาชีวะของตนอย่าง ขยันและอดทน ถือเป็นผู้เข้าถึงปัญญาได้ตามที่พ่อได้วินิจฉัยให้ลูกเข้าใจแล้ว ส่วนคนไม่รวย คนที่ไม่ประสบความสําเร็จ หากยังไม่เข้าสู่การงานอาชีพของตนอย่างมีความเพียรพยายามแบบถึงขั้นยอมตาย และได้เอาเรื่องความไม่สําเร็จ แต่จะสําเร็จได้เพราะต้องทําบ มาอธิบาย และหลงเชื่อไปว่า พฤติกรรมแบบนี้จะสร้างให้เกิดปัญญา สําหรับพ่อแล้ว พ่อว่าพวกเขาโดนหลวงพ่อหลอกเอา
ลูกเองจะต้องไม่โดนหลวงพ่อหลอก ลูกจะต้องค้นหาความจริง ให้ได้ด้วยตัวของลูกเองว่า เรื่องที่พ่อสอนลูกในหน้าคํานํานี้จริงหรือไม่ และไม่เพียงแต่ในหน้าคํานํานี้เท่านั้น ในเนื้อหาบันทึกที่พ่อเขียนสอนลูกในหนังสือด้วย ลูกจะต้องแกะรอย สืบค้น เพื่อหา ความจริงที่ลูกจะต้องเป็นผู้ตอบด้วยตัวของลูกเอง ว่าเรื่องที่เขียนสอนลูกเป็นจริงทั้งหมด 100% หรือไม่
สัญญากับพ่อ ว่าลูกจะหาคําตอบต่อเรื่องที่พ่อสอน จะหาได้วันไหนก็ไม่เป็นไร แต่อย่าหยุดหา แม้พ่อจะตายไปแล้วก็ตาม
ชาย กิตติคุณาภรณ์
www.fpmcource.com
www.advicefpm.com
E-MAIL : sumrej2011@gmail.com
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
09 พฤษภาคม 2563
ความยาว
188 หน้า
ราคาปก
250 บาท (ประหยัด 52%)
สนใจเวอร์ชันกระดาษ เชิญทางนี้!
เวอร์ชันกระดาษมีวางขายที่เว็บไซต์สำนักพิมพ์ จะไม่มีขายโดย MEB นะจ๊ะ สามารถสั่งซื้อ หรือติดต่อคนขายโดยตรงเลยจ้ะ
สั่งซื้อโดยตรงกับ สนพ.
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
คุณสามารถ
เข้าสู่ระบบ
เพื่อแสดงความคิดเห็นได้จ้า
รีวิวทั้งหมด