ชายชราสอน MBA

สองปีแล้วเห็นจะได้ที่ผมห่างเหินจากการเขียนหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ปรัชญา จิตวิญญาณ และความจริง สาเหตุก็คงเป็นเพราะหนังสือในแนวนี้ เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นได้ยาก โดยกว่าจะเขียนขึ้นแต่ละประโยคแต่ละบรรทัด ต้องกลั่นเอาอารมณ์ความรู้สึกในห้วงลึกของจิตใจค่อยๆ เคลื่อนพลยกกําลังกันออกมา บางครั้งการเดินทางของข้อมูลออกมาก็หกล้มหกคะมําไม่เป็นท่า แต่จะอย่างไรก็จําต้องจัดทัพให้เคลื่อนพลใหม่ออกมาอีกจนได้ ด้วยเหตุแบบนี้เกิดขึ้นซ้ําแล้วซ้ําเล่า งานเขียนหนังสือในแบบประสบการณ์จริงเยี่ยงนี้จึงแสนจะกระทําได้ด้วยความยากลําบาก

อีกเหตุผลหนึ่งเป็นเรื่องของการที่ตัวเองเคยเขียนหนังสือในแนวเล่าเรื่อง ประสบการณ์ชีวิตของตนเองเมื่อหลายปีก่อนออกมาหลายเล่ม และเมื่อเวลา ผ่านไปกับความเข้าใจชีวิตที่ดีขึ้นกลับพบว่า หนังสือที่เขียนขึ้นภายใต้สมอง ที่แหว่งๆ เบี้ยวๆ ได้ลงโทษให้ผมเกิดความรู้สึกที่ละอายใจต่อตัวเองสูงสุด ผมเขียนอะไรออกไปก็ไม่รู้

อีกเหตุผลหนึ่งคือเมื่อกาลเวลาได้ผ่านพ้น เรื่องราวของชีวิตได้ดิ่งลงจนถึง ขีดสุด ชีวิตที่แทบหมดเนื้อหมดตัวเฉียดฉิวการถูกขายทอดตลาดบ้านในกรมบังคับคดีครั้งที่ 2 ได้พาให้ผมเข้าใจเรื่องที่เคยคิดว่าเข้าใจแล้วในอดีตได้ดีขึ้น บางเรื่องเขียนได้ แต่ไม่ควรให้ความเห็นหรือบางเรื่องเขียนได้ แต่ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ หรือบางเรื่องหากจะเขียนต้องแน่ใจว่าไม่ได้วางอยู่บนการเขียน ที่ปนเปื้อนไปด้วยทิฐิ เพราะมิเช่นนั้นงานเขียนจะไร้ประโยชน์ และไม่ปรากฏ คุณค่าใดๆ

อีกเหตุผลหนึ่ง เมื่อชีวิตได้เดินทางออกจากจุดเริ่มต้นมาไกล ได้ผ่านความล้ม เหลวมากมาย ได้เคยใช้การเขียนหนังสือเป็นทางออกให้กับชีวิต และก็ค้นพบ ความสุขอันเนื่องจากการมีสมาธิในระหว่างการเขียนหนังสือ และการมุ่งที่จะ เดินทางไปให้ถึงฝันที่ตัวของผมเองได้วาดวางไว้ เรื่องราวที่เป็นอุทธาหรณ์จึง น่าจะได้รับการจดบันทึกเอาไว้

หนังสือเล่มนี้ในตอนที่เริ่มต้นเขียน ผมยังไม่รู้ว่าชื่อของหนังสือควรจะให้ชื่อ ว่าอะไร ผมเขียนของผมไปเรื่อยๆ และอยู่ๆ ผมก็นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ ภาษาไทยว่า ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน ชื่อภาษาอังกฤษว่า The Alchemist ใน หนังสือเล่มนั้นพูดถึงการเดินทางของเด็กหนุ่มคนหนึ่งผ่านเรื่องราวของชีวิต มากมายในเส้นทางแห่งความฝันไปสู่ปิรามิดที่อียิปต์ เด็กหนุ่มได้รู้จักกับชาย ชราและพลังลึกลับบางอย่าง มันทําให้ผมหวนอดีตไปคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่ ผมตัดสินใจลาออกจากงานประจําเพื่อเบนเข็มมาสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ ตลอดเส้นทางสายนี้ได้ทําให้ผมเข้าใจห้วงอามรมณ์อันสับสนแห่งจิต หลักวิชา ที่เรียนกันอย่างบ้าคลั่งใน MBA หลักปฏิบัติในโลกธุรกิจที่เป็นจริง และเหนือ กว่าสิ่งใด ผมได้เข้าใจหลักของกํามือเดียวในการจัดการกับชีวิตและธุรกิจ หลักที่ว่านี้มันเหมือนกับคําสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า สัพพัญญรู้ทั่วไปเปรียบใบไม้หมดทั้งป่า แต่เลือกคัดเอามาสอนชี้นํากํามือเดียว หลักของกํามือเดียว หลักนี้มันก็คือการตกผลึกทางความคิดควบรวมเรื่อง 3 เรื่อง อันได้แก่ “หลักวิชา หลักปฏิบัติ และหลักธรรมะ (ความจริงตามกฎของธรรมชาติที่เป็นวิทยาศาสตร์) ผสมปนเปกันจนเป็นเรื่องเดียวกันที่สามารถนําไปใช้ในการแก้ปัญหาให้ปรากฎทางรอดได้แบบเบ็ดเสร็จ

โดยข้อเท็จจริง คนจะเข้าใจหลักของกํามือเดียวอาจจะต้องเคยพานพบกับ ชายชราและพลังลึกลับบางอย่าง ซึ่งชายชรานั้นก็คงเปรียบเทียบได้กับ ปาฏิหาริย์ที่เกิดมีขึ้นกับชีวิตในครั้งที่คนได้ละวางตัวตน และมุ่งเดินไปสู่ความ ฝัน เขาได้พบชายชราในขณะที่เขามานะและอดทนอย่างสูงสุด โดยชายชรา ได้มอบความสําเร็จให้เป็นรางวัลเพื่อเขาจะได้มีกําลังใจเดินไปให้ถึงที่สุดแห่ง ความฝันของเขา หรือในหนังสือเล่มนี้มักจะพูดว่า ถึงที่สุดแห่งชะตากรรม ท่ามกลางการขมักเขม้นเดินไปบนเส้นทางฝันนั้น พลังลึกลับบางอย่างมักจะ ก่อตัวขึ้น และเฝ้าบอกกับเขาว่า อย่าเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเลย อย่าเดินไปสู่ ความฝันของเจ้าเลย เพราะเจ้าอาจจะได้รับความล้มเหลวมาเป็นรางวัล เจ้าจงหล่อเลี้ยงความฝันของเจ้าไว้เถิด เจ้าจงฝึกพูดให้เก่ง และจงอ้างเหตุแห่งการไม่กระทําตามความฝันของเจ้า ด้วยหลักการของเหตุและผล และคําว่า “แต่” พลังลึกลับมักจะมาในรูปลักษณ์เช่นนี้ มันมาขัดขวางคนไม่ให้ทําตามฝัน หรือหากมีคนที่ไม่เชื่อพลังลึกลับจนในที่สุด เขาพบซึ่งความสําเร็จ เพราะบังเอิญได้พบกับชายชรา พลังลึกลับก็จะเปลี่ยนรูปลักษณ์มาเป็นการสนับสนุน และเห็นด้วยไปเสียทั้งหมดกับวิธีการคิดวิธีการตัดสินใจ มันได้ปรับบทบาท และคลิกภาพใหม่มาเป็นผู้คล้อยตาม ณ ห้วงเวลานี้ มันได้บ่มเพาะกามเกียรติ ชื่อเสียง จนก่อตัวกลายเป็นทิฐิ (ความยึดมั่นถือมั่น) ของคนคนนั้น เมื่อภารกิจในการสร้างทิฐิได้งอกงามจนถึงที่สุด พลังลึกลับบางอย่างก็นั่ง เฝ้าดูเหตุการณ์ความหายนะที่จะทยอยเกิดขึ้นกับชีวิตและธุรกิจอย่างยิ้มกริ่ม นี่แหละคือเหตุแห่งการที่ผมบอกว่ากํามือเดียว จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อคนเคยพบ และเข้าใจภารกิจและหน้าที่ของชายชราและพลังลึกลับบางอย่าง

หนังสือเล่มนี้เก็บเรื่องราวจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม มันมี
เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงที่พาให้ท่านต้องลุ้นระทึกไปกับเหตุการณ์ที่ท่านเองก็อาจ คาดเดาไม่ออกว่าเรื่องจะดําเนินต่อไปอย่างไร หนังสือเล่มนี้เป็นอุทธาหรณ์ บอกคนให้ระมัดระวัง และละเอียดกับการใช้ชีวิตและการทําธุรกิจ มันถือเป็น กรณีศึกษาของ SMEs ทั่วไทย และเป็นกรณีศึกษาของคนที่อยากจะได้ดีกรี MBA ว่าประโยชน์ที่แท้จริงของ MBA คือใช้เพื่อนําพาให้เราไปสู่ฝันได้จริง

ผ่านเวลามาได้ 8 ปี ผมเลิกที่จะสนใจชายชราและพลังลึกลับบางอย่าง ผมเลิก ใส่ใจกับปาฏิหาริย์และสิ่งเร้นลับใดๆ ที่จะเกิดขึ้นกับผมบนเส้นทางเดินไปสู่ชะตากรรมของ FPM CONSULTANT

คุณงามความดีของหนังสือเล่มนี้ขอมอบให้แด่แม่ที่จากไปไกล แม่ผมผิดพลาด มาเยอะจริงๆ

ชาย กิตติคุณาภรณ์
www.fpmcource.com,
www.advicefpm.com,
E-MAIL : sumrej2011@gmail.com