เสน่หาเพลิงมาร

ดลยา หญิงสาวที่มองโลกในแง่ดี สำหรับเธอแล้ว เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ เธอดำเนินชีวิตอย่างเข้มแข็ง โดยหารู้ไม่ว่าการดำเนินชีวิตของเธอ ถูกจับจ้องโดยสายตาของกรกฤต ชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบ ผู้เป็นทั้งนายแพทย์อนาคตไกล เชฟฝีมือเยี่ยม แต่เหนือกว่าอื่นใด เขาคือประกายตะวัน นักเขียนในดวงใจของเธอ

ความรักที่เกิดขึ้นเพียงเพราะเฝ้ามอง หากแต่เส้นทางรักของทั้งสองกลับมีกำแพงใหญ่กั้นขวาง นั้นก็คือแม่ของชายหนุ่มที่คิดอย่างฝังหัวว่า ผู้หญิงที่เข้าหาลูกชายสุดรัก ต่างก็หวังแต่จะกอบโกยผลประโยชน์จากผู้เป็นลูกชายเท่านั้น

และความบังเอิญดารณีผู้เป็นน้องสาวเข้าไปช่วยเหลือนักร้องหนุ่มขวัญใจ จนต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เพราะวิญญาณหลุดออกจากร่าง สิ่งเดียวที่ทำให้เธอกลับเข้าร่างได้คือการทำให้ความรักของกรกฤตสมหวัง แต่วิญญาณสาวที่แสนสดใสจะทำภารกิจนี้ให้ลุล่วงได้ เธอต้องได้รับความช่วยเหลือจากคชินทร์ นักดนตรีหนุ่มผู้หันหลังให้กับความฝันของตัวเอง ที่เป็นต้นเหตุให้เธอกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา

บางช่วงบางตอน

แต่ยามนี้ ใจกรกฤตไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วหากแต่ไปอยู่ข้างๆ ดลยา เหลือแต่พาตัวให้ตามหัวใจออกไป เมื่อพอที่จะขยับขาได้ก็ออกแรงดึงพรวดเดียว ทำให้หนังถลอกจนเป็นแผลใหญ่ แต่มันก็คุ้มที่ทำให้เขาหลุดจากพันธนาการมาได้

แม้จะเจ็บปวดไปทั่วร่างโดยเฉพาะที่ต้นคอ แต่กรกฤตพยายามกัดฟันอีกเฮือกเพื่อขยับร่างกายที่หนักอึ้งราวกับหินให้ลุกขึ้นยืน สายตาจ้องไปที่กำแพงไฟตรงหน้า “เหลือเชื่อเลยนะที่แกกับฉันต้องมาลุยไฟเพื่อพิสูจน์รักแท้แบบนี้ พร้อมหรือยัง”

คชินทร์พยักหน้าแทนคำตอบว่าพร้อมแล้ว สองหนุ่มหยิบรองเท้ามาใส่ ถึงรองเท้าขาดๆ จะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ดีกว่าลุยไฟด้วยเท้าเปล่า ทันทีที่สวมรองเท้าเสร็จ ทั้งสองสบตากัน รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากของทั้งสองคน เพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ก่อนจะพุ่งกระโจนหายเข้าไปในเปลวไปอย่างไม่ลังเล

ท่อนบนที่เปลือยเปล่าเผยให้เห็นรอยสักรูปปีกขนาดใหญ่ หากมองจากด้านหลัง จะเห็นราวกับว่าสองหนุ่มได้กางปีกออก เพื่อโผบินไปหาคนรักก็ไม่ปาน