Icon Close

อุบัติซำ้ชั่วนิรันดร์

อุบัติซำ้ชั่วนิรันดร์
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
2 Rating
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
20 กันยายน 2565
ความยาว
92 หน้า (≈ 18,847 คำ)
ราคาปก
135 บาท (ประหยัด 26%)
อุบัติซำ้ชั่วนิรันดร์
อุบัติซำ้ชั่วนิรันดร์
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
2 Rating
นวนิยายสั้นของ ภู่มณี ศิริพรไพบูลย์ ที่พาไปติดตามชีวิตของ ‘มิว’ ชายหนุ่มในวันโลกแตกปี 2020 หลังแสงสว่างวาบบนท้องฟ้าร่างของเขาสลายไปแต่เมื่อเขาลืมตาขี้นใหม่ปรากฏว่ากลับมาอยู่ในร่างของตัวเองในปี 2003

“...เมื่อถึงปี 2020 โลกระเบิด ทรัมป์ตาย สีตาย ตู่ตาย คุณตาย พ่อแม่พี่น้องของคุณก็ตาย คุณอยากเขียนชื่อของคนตายเพิ่มก็เขียนเองเองได้เลย...” (p. 7)

(ค.ศ.) 2003 = (พ.ศ.) 2546 ก่อนการรัฐประหาร 49 ดังนั้นนวนิยายเรื่องนี้จึงเล่าเรื่องของคนที่รู้เหตุการณ์ทั้งหมดของประวัติศาสตร์ล่วงหน้า เขาได้เห็นเศรษฐกิจและสังคมในปี 2020 ที่พินาศย่อยยับ การปกครอบแบบเผด็จการ จึงน่าสนใจที่พาคนอ่านย้อนไปสอดส่องการตัดสินใจของตัวละคร มิว ที่ได้หวนไปสู่สังคมไทยในยุคที่เป็นประชาธิปไตยโดยการย้อนครั้งนี้มิวได้ย้อนไปตอนที่เขายังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย

“...ความจริงข้อหนึ่งที่เราส่วนใหญ่ไม่ค่อยนึกถึงคือเกือบทุกคนเพิ่งออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านครั้งแรกไม่เคยต้องรับผิดชอบหรือดูแลตัวเองมาก่อน...” (p. 11)

เป็นสิ่งที่มิวบรรยายถึงการเข้าสู่นักศึกษามหาวิทยาลัยซึ่งในประเด็นนี้เขาได้กล่าวต่อขยายไปสู่ความเข้าใจในการใช้เงินของครอบครัวและคิดว่าครอบครัวพ่อแม่แม้มีเงินใช้จ่ายส่วนค่าการศึกษานี้อย่างไรก็ต้องกระทบต่อการเงินของครอบครัว มิวที่แม้ครอบครัวยินดีจ่ายแต่เขาได้สัมผัสถึงพิษสงของปี 2020 มาแล้วเขาจึงรีบหางานพิเศษทำเพื่อหาเงินมาทดค่าใช้จ่ายส่วนนี้

“...ก่อนหน้าก็คงไม่ดิ้นรนทำอะไรทั้งนั้น และคิดว่าเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่ต้องส่งเงินให้ผมใช้ทุกเดือน...” (p. 12)

การตัดสินใจของปัจเจกบุคคลของมิวจึงไม่ได้มาจากฐานการวิพากษ์จากเวลา “ปัจจุบัน” ของตนเองแต่มาจากมุมมองที่เขาได้ผ่านประสบการณ์ในสถานการณ์เดียวกันนี้มาแล้ว 1 แบบ 1 ความเป็นไป การย้อนมองชีวิตในฐานะกาลเวลาที่เกี่ยวอยู่กับเหตุการณ์ต่างๆ จากการที่รู้อนาคตแล้วเขาจึงมีจินตนาการ/การคาดคะเนโดยมีพื้นฐานของกาลเวลาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต การเข้าใจ สำนึก จินตนาการ ที่นำไปสู่การตัดสินใจต่างๆ ของมิวตัวละครเอกในเรื่องนี้จึงแสดงถึงมิติเวลาทางความคิดที่น่าสนใจและนำพาให้ครุ่นคิดตลอดทั้งเรื่องถึงอำนาจในการตัดสินใจเมื่อตนรู้ปลายทางของประสบการณ์ต่างๆ ไปแล้ว 1 แบบ

มิวในเรื่องนี้จึงไม่ใช่การหมกมุ่นแก้ไขอดีตหรือแก้ไขประวัติศาสตร์แต่เป็นการใช้ชีวิตในแบบที่ไตร่ตรองอย่างละเอียดจากความรู้ในอนาคตซึ่งทำให้เขากล้าทำอะไรต่อมิอะไรมากขึ้นในมุมมองที่กว้างขึ้น เช่น การปฏิเสธความสำคัญของอำนาจ “รุ่นพี่” และการยอมรับอำนาจที่มากับการรับน้องในมหาวิทยาลัย เขานำเวลาไปใช้กับการแปลหนังสืออันเป็นงานที่เขาชื่นปรารถนา

“...พอก้าวออกมาจากระบบโซตัส คุณก็มีเวลาศึกษาหาความรู้หรือทำอะไรได้อีกมากมาย แม้แต่แปลนวนิยายเป็นเล่มๆ...” (p. 54)

การแก้ไขหรือการตัดสินใจชีวิตใหม่ในแบบที่มิวเข้าไปจัดการกับเวลาอดีตของตนเองทำให้เขาได้เห็นว่าใน 1 เหตุการณ์มันสามารถเป็นไปได้หลายแบบและบางช่วงเขาปฏิบัติต่างจากอดีตที่เขาผ่านมาเขาเลือกเส้นทางในแบบอื่นๆ ออกไป จุดนี้ทำให้เห็นว่า ความคิด/ความรู้สำคัญอย่างไรในนวนิยายมิวไม่ได้สามารถเข้าขัดขวางการรัฐประหาร 49 หรือ เปลี่ยนแปลงเส้นทางการเป็นไปของการเมืองไทยได้ แต่เขามีความตระหนักถึงเสรีภาพและสิทธิบางอย่างในการตัดสินใจ มีความรู้บางอย่างในการจัดการกับแนวปฏิบัติทางการเงินส่วนบุคคลจากความทรงจำที่ได้มาจากอนาคต

การย้อนเวลานี้จึงเป็นจินตนาการที่เกี่ยวโยง ตัวละคร (มิว) ไว้กับ ความรู้ในอนาคต สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงการคาดเดาประวัติศาสตร์แต่มันทำให้ตระหนักถึงการสังเกตองค์ความรู้รอบๆ ตัวในยุคสมัย 2003 และ ก่อนการรัฐประหาร 49 อันเป็นชนวนเหตุแห่งปฐมบทมหากาพย์ยึดอำนาจถึงวันโลกแตกในปี 2020 นอกจากโซตัสที่ในนวนิยายกล่าวถึงยังมีกลุ่มมาเฟียมอเตอร์ไซค์นามว่า “แก๊งซามูไร” ที่ออกอาละวาดทำร้ายผู้คนอย่างไม่สมเหตุสมผล เป็นความรุนแรงที่ลอยๆ และไม่ถูกจัดการออกไปจากสังคมในเรื่อง

สิ่งแวดล้อมรอบตัวของมิวจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศบริบทของสังคมที่กำลังจะก้าวเข้าสู่เหตุการณ์ต่างๆ ดังนั้นประวัติศาสตร์ส่วนตัวของมิวดังที่เห็นได้ในเรื่องจึงเน้นความคิดความอ่านของเหตุการณ์และตัวละครต่างๆ ในสังคมก่อนการเกิดรัฐประหาร 49 และเผยให้เห็นถึงอำนาจนิยมในระบบมหาวิทยาลัยตั้งแต่นักศึกษา อาจารย์ สถาบัน ที่เชื่อมโยงอยู่กับความคิดทางการเมืองในยุคสมัย 2003 อาทิ การตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยอารมณ์และความรุนแรง มีเหตุความรุนแรงในเรื่อง เช่น คนคนหนึ่งบุกไปเตะอาจารย์ที่ให้เกรด F กับแฟนของตน หรือสถานการณ์ที่เมื่อตัวละครมีปัญหาแล้วตัดสินใจไม่รับโทรศัพท์ไม่เจรจากัน

2020 จึงเป็นเล่มที่น่าสนใจในการพาคนอ่านไปสำรวจและนึกย้อนพร้อมทั้งเตือนถึงความเป็นไปได้ในการตัดสินใจว่ามีฐานจากความรู้แบบไหนได้บ้าง

“...จริงๆ แล้วเราควรจะมีทุนให้เรียนฟรีได้โดยไม่ต้องกู้ แล้วเงินก้อนนี้ควรมาจากไหน? ก็หั่นเอามาจากงบประมาณกระทรวงกลาโหมซึ่งใช้ล้างผลาญทุกปีไง! ในเมื่อ 17 ปีข้างหน้ามันได้พิสูจน์แล้วว่า เรือดำน้ำ เรือเหาะ รถถัง และอุปกรณ์ห่าเหวอะไรก็ช่วยกู้โลกไม่ได้ มันควรเปลี่ยนเป็นงบศึกษา สาธารณสุขที่ช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้มีความรู้ ความสุขก่อนวันโลกาวินาศ” (p. 11)

โดยในท้ายที่สุดนวนิยายเล่มนี้เลือกที่จะเล่าว่าเรื่องราวทั้งหมดของตัวละครเกิดขึ้นจริงหรือเป็นเพียงภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ถูกถ่ายทำขึ้นเนื่องจากมิวนอกจากแปลนิยายแล้วเขายังถ่ายภาพยนตร์ที่ว่าด้วยการที่มีคนย้อนเวลามาจาก 2020 ซึ่งเหมือนกับที่เขาประสบ เขาใช้พ่อเพื่อนแสดงเป็นตัวละครในภาพยนตร์ประกอบกับภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัวเข้าไปในภาพยนตร์ จนในตอนท้ายเขาเริ่มคิดว่าทั้งหมดเป็นจินตนาการของตนหลังความตาย หรือทั้งหมดที่คนอ่านอ่านมาคือนวนิยายจำลองภาพยนตร์ของมิว การสร้างเส้นเหลื่อมนี้จึงเป็นจุดสำคัญของนวนิยายเล่มนี้เนื่องจากมันทำให้เห็นถึงความเป็นเรื่องแต่งที่ซ้อนทับอยู่กับแบบจำลองทางประวัติศาสตร์ที่ชวนให้คนอ่านเองได้ย้อนเวลาผ่านหนึ่งสายตาของตัวละครมิว

การย้ายเส้นเรื่องทั้งหมดไปในฐานนี้จึงทำให้เมื่ออ่านเหตุการณ์ของมิวและสิ่งแวดล้อมทั้งหมดยิ่งดูเลือนจางและทำให้เห็นว่านี้คือ 1 แบบของความเป็นไปได้ทางประวัติศาสตร์ซึ่งหากคิดต่อไปว่าถ้าประชาชนและสังคมอยู่ในกรอบความคิดและเหตุการณ์แบบใดแบบหนึ่งอนาคตของสังคมนั้นก็ย่อมอาจเป็นไปในทิศทางนั้นแต่สิ่งสำคัญคือความเป็นไปได้ที่จะมีแบบจินตนาการถึงอนาคตที่หลากหลายและอยู่บนความเข้าใจในการมองไปข้างหน้าอย่างกว้างขวางและยาวไกล

คำนำเสนอ โดย อชิตพนธิ์ เพียรสุขประเสริฐ
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
20 กันยายน 2565
ความยาว
92 หน้า (≈ 18,847 คำ)
ราคาปก
135 บาท (ประหยัด 26%)
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
คุณสามารถเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็นได้จ้า