Icon Close

นิตยสาร Creative Thailand ปีที่ 4 ฉบับที่ 3

Life is Beautiful

สถานี CNNMoney ได้รายงานถึงตัวเลขอันหดหู่ของสังคมอเมริกันซึ่งพบว่า 3 ปีหลังภาวะเศรษฐกิจถดถอย ค่านิยมของคนอเมริกันได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความต้องการสิ่งจรรโลงชีวิตเพื่อความชุ่มชื่นจิตใจต่างๆ กลายเป็นข้อควรระวังและแทบจะเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับการลงทุนในบ้าน รถยนต์ สินเชื่อธุรกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการลูก

เศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้แผนการชีวิตของอเมริกันชนเหมือนรถไฟตกราง สำนักวิจัย Pew Research Centerของสหรัฐฯ ระบุว่า อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นทำให้คนหนุ่มสาวพิจารณาทางเลือกใหม่ในชีวิต เช่น การย้ายออกจากเมืองใหญ่ไปสู่ย่านชานเมือง และร้อยละ 22ของคู่แต่งงานที่มีอายุระหว่าง 18 -34ปี ตัดสินใจเลื่อนการมีลูกออกไปจนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะจากการประเมินค่าใช้จ่ายของคนอเมริกันสำหรับการเลี้ยงดูลูก 1คนพบว่า ในครอบครัวชนชั้นกลางที่มีรายได้ประมาณ 77,100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมากกว่า 300,000 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 17 ปี ซึ่งนี่เป็นตัวเลขที่ประเมินไว้ก่อนเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งยังเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รวมThat figure doesn't take into account college tuition or inflatioค่าเล่าเรียน และคำนวณอัตราเงินเฟ้อที่แปรผันไปตามภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้นการมีลูกของคนอเมริกันในยุคนี้จึงต่างจากยุคทองของเศรษฐกิจตลอดทศวรรษ 1990ที่อัตราของผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ทำงานในออฟฟิศต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นทุกปี จนสังคมอเมริกันเรียกปรากฏการณ์ในขณะนั้นว่า “Echo Boom” อันเป็นช่วงเวลาที่หนุ่มสาวต่างเริ่มต้นมีชีวิตคู่และมีลูก และพวกเขาก็คือเจเนเรชั่นถัดมาของกลุ่ม Baby Boomer เมื่อยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั่นเอง และแม้ว่าสถานการณ์ต่างๆ ในปัจจุบันจะทำให้คู่แต่งงานยุคใหม่เริ่มลังเลหรือชะลอการมีทายาท แต่นักวิจัยด้านประชากรศาสตร์ของอเมริกันก็ยังเชื่อว่า 5 ปีต่อจากนี้ อัตราการเกิดของเด็กจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด

แต่ก่อนที่จะถึงคำพยากรณ์นั้น โลกแห่งการบ่มเพาะเด็กน้อยให้เติบโตอย่างสมบูรณ์แบบก็ดูจะไม่ย่นย่อต่อสถานการณ์เศรษฐกิจนัก ยิ่งความหวาดกลัวต่ออนาคตบีบรัดมากเท่าใด สถาบันครอบครัวก็ยิ่งต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น ภูมิคุ้มกันทางร่างกายไม่ใช่เรื่องเดียวที่ต้องคำนึงถึง แต่ภูมิคุ้มกันทางจิตใจ สติปัญญา และทักษะพิเศษที่จะส่งเสริมความสามารถอันหลากหลาย ทั้งการศึกษา ดนตรี กีฬา ภาษา ศิลปะ แฟชั่น ฯลฯ เพื่อบ่มเพาะพรสวรรค์ส่วนตัวก็ได้ถูกตั้งค่าให้เป็นต้นทุนชีวิตของเด็ก ยังไม่นับรวมธุรกิจที่วางพื้นฐานความมั่งคั่ง เช่น การประกันภัย การประกันสุขภาพ การลงทุนระยะยาว และการบริหารการเงินส่วนบุคคล รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมพร้อมของลูกหลานสู่อนาคตที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กับวัยเยาว์ของพวกเขาในทุกๆ ก้าวย่าง ตั้งแต่แบเบาะจนถึงวันที่พวกเขาเริ่มต้นทำงานสร้างฐานะให้ตนเอง

ไม่ว่าคนในรุ่นนี้จะคาดหวังให้คนรุ่นใหม่มีเกราะป้องกันชีวิตที่แข็งแกร่งสักเท่าไร ที่สุดแล้วก็อาจไม่สามารถรับประกันความสำเร็จใดๆ ได้เลย เพราะความรู้ความสามารถเฉพาะตัว จำเป็นต้องควบคู่มากับความเข้าใจโลกและความสามารถในการควบคุมแรงกระตุ้นที่เกิดจากปัจจัยมากมายในสังคมได้ด้วยเหตุและผล และถ้าพวกเขาเรียนรู้ที่จะใช้ปัจจัยทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต อนาคตต่อจากนี้ ก็ไม่หนักหนาสำหรับพวกเขาแล้ว

ในเล่มพบกับ...

The Subject…Presumers
Classic Item… Birthday Cake
Cover Story… Million Dollar Baby
Creative Entrepreneur… Familymembers: Family’s Blissiness
CreativeCity…Penang: Prince of Wales, Prince of Wealth
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
04 ธันวาคม 2555
ความยาว
36 หน้า
ราคาปก
ฟรี
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
คุณสามารถล็อกอินเพื่อแสดงความคิดเห็นได้จ้า