บาราบาซ

"แบกเข้าไปเถอะ แบกกันให้โลกตายดับ!!"
.
พวกเขาแบกหามพระผู้เป็นเจ้า-แบกความเชื่อ จนไม่ได้มองความจริงใด ๆ เหมือนกับพวกที่แบกการเมือง จนไม่มองความจริงใด ๆ เลย ให้ชาติตายดับไป ก็แก้อะไรไม่ได้!!
.
ชายร่างยักษ์ที่เป็นสาวกพระผู้เป็นเจ้าสารภาพว่า ตอนที่พระองค์ทนทุกข์เวทนาและสิ้นลมหายใจนั้น ตอนนั้นพวกเขาวิ่งหนี ทอดทิ้งพระองค์ไป และก่อนหน้านั้นพวกเขาไม่ยอมรับพระองค์ ซึ่งเป็นสิ่งเลวร้ายอย่างยิ่ง
.
ต่อเมื่อเกิดสิ่งมหัศจรรย์ ท้องฟ้ามืดมิดลง ตอนที่พระองค์สิ้นลมหายใจ แผ่นดินไหว และเนินเขาที่ไม้กางเขนตั้งอยู่ ธรณีแยกออก
.
เรื่องนี้พวกเขาไม่ได้ประจักษ์ด้วยตา มีเพียงบาราบาซ-ที่ยังอยู่ร่วมเหตุการณ์ สาวกร่างยักษ์ล้วนเต็มไปด้วยความกังวล ว่าพระองค์จะยกโทษให้พวกเขาไหม ถ้าพระองค์ฟื้นจากความตายกลับมา
.
...บาราบาซ คงรู้ในตอนนั้นแล้วว่า พวกเขาเป็นใคร และพระผู้เป็นเจ้าควรจะได้รู้เสียยิ่งกว่า พวกเขาล้วนคนยากจนน่าสมเพช เขาจึงถามบาราบาซว่าพระองค์จะยกโทษให้เขาไหม... ชายร่างยักษ์กุมมือบาราบาซไว้แน่น..
.
ชายกลุ่มที่เดินอยู่ด้านนอกถนน เห็นชายร่างยักษ์ในชุดเสื้อผ้ามอมแมมกุมมือบาราบาซอยู่ จึงเข้าไปไล่ "เจ้าไม่รู้หรือว่าพระผู้เป็นเจ้าถูกตรึงกางเขนแทนเขาคนนี้"
.
เก็ต ธี เฮ็นซ์—ออกไปจากที่นี่ซะ เจ้าคนสารเลว นี่คือคำพูดพิพากษาต่อบาราบาซ ที่ดังอยู่ตลอดกาลสมัย ทั้งที่เขาเองมิได้รู้เห็นการปลดปล่อยอภัยโทษทาส ของข้าหลวงโรมันแต่อย่างใด!!
.
"บาราบาซ" นวนิยายรางวัลโนเบล ปี 1951