Icon Close

เสรีภาพแห่งความคิดและโซ่ตรวนแห่งโฆษณาชวนเชื่อ (Free Thought and Official Propaganda)

เสรีภาพแห่งความคิดและโซ่ตรวนแห่งโฆษณาชวนเชื่อ (Free Thought and Official Propaganda)
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
No Rating
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
18 ตุลาคม 2568
ความยาว
76 หน้า
ราคาปก
190 บาท (ประหยัด 63%)
เสรีภาพแห่งความคิดและโซ่ตรวนแห่งโฆษณาชวนเชื่อ (Free Thought and Official Propaganda)
เสรีภาพแห่งความคิดและโซ่ตรวนแห่งโฆษณาชวนเชื่อ (Free Thought and Official Propaganda)
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
No Rating
ในโลกที่ทุกคนพูดได้ แต่มีน้อยคนที่กล้าคิดด้วยตนเอง เสียงของเบอร์ทรันด์ รัสเซลล์ ดังก้องขึ้นราวระฆังกลางหมอกหนา บทความ "Free Thought and Official Propaganda" ของเขาไม่ใช่เพียงการวิเคราะห์เรื่องเสรีภาพทางปัญญา หากเป็นการร้องขอด้วยหัวใจของนักปรัชญา ผู้เห็นความอันตรายของการล้างสมองอย่างแนบเนียนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์
รัสเซลล์เขียนขึ้นในช่วงปี ค.ศ 1922 หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อรัฐชาติทั้งหลายเรียนรู้ศิลปะแห่งการควบคุมประชาชน ไม่ใช่ด้วยดาบและปืน แต่ด้วย "ความคิด" ที่ปลูกฝังไว้อย่างมีระบบ เขาเห็นว่าศัตรูของเสรีภาพในยุคใหม่ไม่ใช่เผด็จการที่โหดร้าย แต่คือโครงสร้างแห่ง "การชี้นำความคิด" ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียน หนังสือพิมพ์ วิทยุ มหาวิทยาลัย และแม้แต่คำสอนในศาสนา
"โฆษณาชวนเชื่อ" ในสายตาของรัสเซลล์ มิใช่เพียงคำโกหก หากคือการบิดเบือนความจริงอย่างแนบเนียนที่สุด คือศิลปะแห่งการทำให้ผู้คน "เชื่อโดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังเชื่อ" และ "ยอมจำนนโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังถูกครอบงำ" มันทำให้มนุษย์รู้สึกว่าตนคิดด้วยตนเอง ทั้งที่แท้จริงแล้วถูกปั้นแต่งโดยเสียงของผู้มีอำนาจ
ในบทความนี้ รัสเซลล์ชี้ว่า "เสรีภาพแห่งความคิด" มิได้หมายถึงสิทธิ์ที่จะพูดสิ่งใดก็ได้ แต่หมายถึง "อิสรภาพที่จะสงสัย" คือเสรีภาพที่จะตั้งคำถามแม้ต่อสิ่งที่คนส่วนใหญ่ศรัทธา เสรีภาพที่จะไม่คล้อยตามเมื่อสังคมคลั่งไคล้ และเสรีภาพที่จะยืนเดียวดายต่อหน้าฝูงชนหากสัจจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเขา
เขาเตือนว่าเมื่อรัฐและศาสนาเข้ามาจับมือกัน เมื่อการศึกษาไม่ใช่การเปิดใจ แต่เป็นการผลิตความเชื่อ การคิดอิสระจะกลายเป็นอาชญากรรมที่ถูกปกปิดด้วยรอยยิ้มแห่งความจงรักภักดี เขามองเห็นโลกที่ข่าวสารถูกกลั่นกรองโดยมือผู้มีอำนาจ จน "ความจริง" ไม่ได้ถูกทำลายด้วยการโกหก หากถูกทำให้จางลงจนผู้คนไม่แน่ใจว่าจะเชื่อสิ่งใดดี และนั่นแหละคือหายนะของจิตใจ ไม่ใช่เมื่อเราถูกห้ามไม่ให้พูด แต่เมื่อเราหยุดตั้งคำถามกับตนเอง
รัสเซลล์ยังมองเห็นอีกว่า ปัญญาเพียงอย่างเดียวไม่อาจรักษาเสรีภาพได้ หากขาด "ความกล้า" เพราะอำนาจของโฆษณาชวนเชื่อไม่ได้อยู่ที่ความจริงหรือความเท็จ แต่อยู่ที่ "ความกลัว" ที่มันปลูกฝังลงในใจผู้คน ความกลัวการถูกขับออกจากฝูง กลัวการกระทำสิ่งที่ผิดจากบรรทัดฐาน ความกลัวการคิดต่าง เขาเรียกร้องให้มนุษย์มี "ความกล้าทางปัญญา" กล้าที่จะรู้สึกผิดแปลก กล้าที่จะพูดในสิ่งที่โลกยังไม่พร้อมที่จะรับฟัง
สำหรับรัสเซลล์ "เสรีภาพแห่งความคิด" ไม่ใช่เครื่องประดับของอารยธรรม แต่คือแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์ที่ไม่คิดด้วยตนเอง ไม่ได้มีชีวิตในฐานะผู้สร้าง หากเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่พูดซ้ำเสียงสะท้อนของผู้อื่น
เขาจึงสรุปด้วยถ้อยคำอันลึกซึ้งว่า อารยธรรมจะยั่งยืนได้ ก็ด้วยการปลูกฝังนิสัยของความสงสัย มิใช่ความเชื่อฟัง เมื่อใดที่มนุษย์รักความจริงมากกว่าความสะดวก และหวงแหนปัญญามากกว่าความมั่นคง เมื่อนั้นแหละเสรีภาพจึงจะไม่ตายไป
"จงสงสัย แม้เมื่อทุกคนบอกว่าอย่าสงสัย
จงคิด แม้เมื่อโลกทั้งใบบอกให้หยุดคิด
เพราะเสรีภาพแท้ มิได้อยู่ในสิ่งที่เราพูด
แต่อยู่ในความกล้าที่จะเงี่ยหูฟังเสียงของสติปัญญา ภายในของตัวเราเอง"
เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์ฝากถ้อยคำนี้ไว้ไม่ใช่เพื่อต่อต้านอำนาจ แต่เพื่อเตือนว่าหากความคิดของเราถูกควบคุมโดยมือของผู้อื่น ต่อให้เรามีสิทธิเสรีภาพเพียงใด เราก็ยังไม่เป็นอิสระจากโซ่ตรวนแห่งความไม่รู้ของตนเอง

รวีร์ วรกิตติกุล
ผู้แปล

มีสองภาษา ไทย eng
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
18 ตุลาคม 2568
ความยาว
76 หน้า
ราคาปก
190 บาท (ประหยัด 63%)
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
คุณสามารถเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็นได้จ้า