รวมบทกวีเรื่อง บุตรแห่งราตรี The Children of the Night คือรัตติกาลแห่งวิญญาณของกวีผู้มองเห็นแสงในความมืด บทกวีที่แผ่วระลอกเสียงเศร้าลึกของชีวิตและความโดดเดี่ยว ดั่งระฆังแห่งราตรีที่สั่นสะเทือนใจมนุษย์ผู้แสวงหาความหมายของการดำรงอยู่ ท่ามกลางความหนาวเย็นของโลกที่ไร้ความเข้าใจ
เอ็ดวิน อาร์ลิงตัน โรบินสัน คือกวีผู้สวมราตรีไว้บนบ่าตนเอง เขามิได้มองความมืดเป็นเพียงเงาแห่งความสิ้นหวัง หากเป็นแหล่งกำเนิดแห่งปัญญาและความเมตตา เขาเขียนถึง "บุตรแห่งราตรี" ผู้ซึ่งเดินทางในโลกที่แสงสว่างเอื้อมไม่ถึง ผู้แบกรับความเศร้าของสรรพสิ่งไว้เงียบงันในหัวใจ เหมือนผู้ที่รู้จักรสแห่งความเจ็บปวดจนเข้าใจความอ่อนโยนอย่างที่สุด
โรบินสันนำพาเราผ่านเสียงกระซิบของชีวิตที่สาบสูญ เขาเขียนถึงผู้คนธรรมดา นักฝันที่ล้มเหลว ชายผู้สิ้นศรัทธา หญิงที่รักเกินจะรักต่อ ด้วยภาษาที่สงบเย็นและเปี่ยมเมตตา เหมือนนักบุญแห่งเงามืดที่โอบรับความเปราะบางของมนุษย์ทุกคนไว้ในแสงดาวแห่งความเข้าใจนั้น เขาไม่ตัดสิน เขาเพียงยอมรับ และนั่นเองคือความงดงามอันลึกซึ้งที่สุดของบทกวีชุดนี้
บุตรแห่งราตรี เป็นทั้งคำไว้อาลัยและคำอวยพรให้แก่วิญญาณของโลก ผู้ที่อยู่ข้างนอกขอบเขตของความสุขง่ายดาย กวีเห็นคุณค่าของการทุกข์ การสูญเสีย และการล้มเหลว ว่ามันคือเงาที่ทำให้ความดีงามและความรักฉายแสงได้ชัดเจนขึ้น เขาเชื่อว่าแม้ในราตรีอันมืดมิดสุด วิญญาณมนุษย์ก็ยังมีความงามของมันเอง แสงอ่อน ๆ ที่ส่องจากภายใน
สำนวนของโรบินสันหนักแน่น เรียบแต่ลึก เสียงกลอนของเขามีจังหวะสงบ เหมือนการเดินของผู้รู้แจ้งที่ไม่เร่งรีบ คำของเขาไม่ร้องไห้ หากปล่อยให้ความเงียบเป็นน้ำตา เขาใช้ภาษาธรรมดาเพื่อพูดถึงสิ่งไม่ธรรมดา และทำให้ความทุกข์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
บทกวีชุดนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผลงานที่ปูทางสู่วรรณศิลป์อเมริกันยุคใหม่ นำโรบินสันสู่การเป็นกวีรางวัลพูลิตเซอร์ในเวลาต่อมา แต่เหนือรางวัลใด ๆ คือเสียงสะท้อนของหัวใจมนุษย์ที่ยังไม่ดับสิ้น ในความมืดเสียงของผู้ที่ยังรักแม้จะไม่อาจหวัง
บุตรแห่งราตรี จึงมิใช่เพียงบทกวี หากคือบทภาวนาแห่งความเข้าใจในชีวิต มันสอนเราว่าในเงาแห่งทุกข์ยากนั้น มีความงามที่รอให้เรามองเห็น และว่าผู้ที่เดินในราตรี...ก็อาจเป็นผู้ที่รู้จักแสงได้ลึกซึ้งกว่าผู้ใด
"They are the children of the night
The weary hearts, the dreamers lost,
Yet in their silence lies the light
That warms the world at unknown cost."
นี่คือบทกวีแห่งรักที่ไม่กล่าวถึงความรักโดยตรง แต่หายใจด้วยความรักในความเป็นมนุษย์ รักที่ไม่เลือกข้าง ไม่ตัดสิน รักที่มองเห็นความงามแม้ในผู้พ่ายแพ้ และปลอบโยนโลกด้วยเสียงแผ่วเบาแห่งความเข้าใจอันนิรันดร์