อุบายขายโรค (กระชากหน้ากากธุรกิจยาข้ามชาติ ภาค 2)

ในหนังสือกระชากหน้ากากธุรกิจยาข้ามชาติ (ภาคหนึ่ง) ซึ่งแปลมาจาก “The Truth About the Drug Companies: How they deceive us and what to do about it” โดยแพทย์หญิงมาร์เซีย แอนเจลล์ ได้คลี่
ระบบยาที่ซับซ้อนออกให้เห็นว่า บริษัทยายักษ์ใหญ่ได้ซ่อนความจริงไว้อย่างไร. เบื้องหลังการที่ประชาชนต้องใช้ยาราคาแพงเกินความจำเป็นและเกินเลยพรมแดนของมนุษยธรรมไปมาก.

ใน “อุบายขายโรค” เล่มนี้ซึ่งแปลมาจาก “Selling Sickness: How the World s Biggest Pharmaceutical Companies Are Turning Us All into Patients” โดยเรย์ มอยนิฮาน และอลัน คาสเซลส์ แสดงให้เห็นว่า
บริษัทยายักษ์ใหญ่ได้ใช้เทคนิคการประชาสัมพันธ์และสร้างภาพอย่างไร.

ให้คนปกติคิดว่าตนเป็นคนป่วยและต้องพึ่งพิงยา ซึ่งเป็นบาปอย่างมหันต์ เพราะมนุษย์ก็มีความทุกข์อยู่แล้ว, ยังไปเพิ่มความวิตกกังวลให้เขาอีกว่า เขาเป็นโรคอย่างนั้นอย่างนี้ ทำให้ชีวิตต้องพึ่งพิงยา ซึ่งก็ราคาแพงสุดๆ และยังอาจต้องรับพิษภัยจากโทษของยาอีก. ทั้งหมดเพื่อ “เงิน” ในระบบเศรษฐกิจเงินนิยมนี้ มนุษย์ทำอะไรๆ ได้ทุกอย่าง รวมทั้งทำร้ายเพื่อนมนุษย์โดยก่อให้เกิดความหลงผิด หรือตกเข้าไปอยู่ในโมหภูมิ,
ทำให้พึ่งตนเองไม่ได้ ต้องเสียเงินเสียทองและเกิดผลร้ายกับตัวเอง.

ในสังคมปัจจุบันมี “ระบบที่ซับซ้อน” เป็นอันมากที่สาธารณะไม่มีทางที่จะเข้าใจมันได้, เมื่อไม่เข้าใจก็ถูกทำร้าย จึงเป็นหน้าที่ของนักวิชาการที่จะ “คลี่ระบบที่ซับซ้อน” ต่างๆ ออกมาให้สาธารณะเข้าใจได้, เมื่อสาธารณะเข้าใจ ก็จะรู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร สาธารณะจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด.

ในระบอบประชาธิปไตยท่ามกลางเศรษฐกิจเงินนิยมที่ซับซ้อน ประชาชนต้องเข้าใจความซับซ้อน จึงจะสามารถใช้อธิปไตยที่จะกำหนดอนาคต และความเป็นไปของตนเองได้ ประชาธิปไตยปัญญา มนุษยธรรม และความถูกต้องจะต้องไปด้วยกัน.

ฉะนั้น นักวิชาการ, เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค, ระบบสื่อสารมวลชน, ระบบการศึกษา ชุมชน และประชาสังคม จะต้องทำงานร่วมกัน เพื่อส่งเสริมความเคลื่อนไหวประชาธิปไตย ปัญญา มนุษยธรรม และความถูกต้อง, เพื่อปกป้องเพื่อนมนุษย์จากการถูกทำร้ายด้วยอำนาจทั้งปวง ระบบรัฐที่มีมนุษยธรรม ควรสนับสนุนความเคลื่อนไหวเชิงมนุษยธรรมดังกล่าวนี้ด้วย.

ขออนุโมทนาคณะผู้แปล “อุบายขายโรค” และ “กระชากหน้ากากบริษัทยาข้ามชาติ” ที่มีความอุตสาหะ วิริยะ พากเพียร แปลหนังสือทั้งสองเล่มออกสู่การรับรู้ของสาธารณชนคนไทย.

ขอให้เพื่อนคนไทยศึกษาหนังสือทั้งสองเล่มกันอย่างกว้างขวาง, โดยเฉพาะในระบบการศึกษา เพื่อจะได้เกิดความเข้าใจและความบันดาลใจว่า เราคนไทยจะต้องร่วมกันคลี่ระบบที่ซับซ้อนต่างๆ ออกมาให้เป็นสาธารณะให้มากที่สุด, เพื่อประชาชนจะได้มีอำนาจอธิปไตยในการปกป้องคุ้มครองตัวเองจากความไม่ถูกต้องต่างๆ.ในสังคมโลกแห่งวัตถุนิยม, บริโภคนิยม, เงินนิยมอันซับซ้อน,ขบวนการทางปัญญาจำเป็นอย่างยิ่งต่อประชาธิปไตยและมนุษยธรรมเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างถูกต้อง.

ประเวศ วะสี