Silk Road ทางเชื่อมยูเรเชีย (Silk Road: The Ancient’s World Bridge)

Silk Road หรือทางสายไหมคือเส้นทางสำคัญที่เชื่อมทวีปเอเชียและยุโรปเข้าหากันเมื่อกว่าสี่พันปีล่วงมาแล้ว
เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่ระยะทางยาวไกลถึงกว่า 4,000 ไมล์หรือเกิน 6,000 กิโลเมตรนั้นจะเคยถูกพิชิตมาแล้วโดยคนยุคโบราณที่มีเพียงแรงกาย และสัตว์พาหนะในการฟันฝ่าอุปสรรค แต่พลังใจอันเหลือล้นของพวกเขาคือตัวแปรสุดท้ายที่ทำให้คนเหล่านั้นสามารถฟันฝ่าเส้นทางยาวไกลกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางได้
ทุกช่วงของเส้นทางสายไหมในอดีตนับพันปีนั้นคือบันทึกที่มีทั้งการจดจำ เล่าขาน หรือมีการระบุเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ขณะเดียวกันก็มีความทรงจำมากมายที่อยู่ในรูปของเรื่องเล่าหรือตำนาน แต่ทั้งหมดนั้นล้วนบอกความเป็นตัวตนของเส้นทางประวัติศาสตร์ที่มีความคลาสสิกระดับโลกแทบทุกระยะ
การค้า – ศาสนา – สงคราม – เรื่องเล่าลึกลับ – ตำนาน – การหักหลัง – แหล่งแร่ – ความรัก – ประเพณี – อสูร – ผู้เสียสละ – คนเถื่อน – อุปสรรค – ความท้อแท้ – การทำลาย และอีกมากมายหลายล้านเรื่องที่ไม่อาจเขียนถึงได้ทั้งหมดในย่อหน้านี้ แต่ทุกเรื่องคือสิ่งที่สร้างความเป็นเส้นทางสายไหมที่ยิ่งใหญ่มาเนิ่นนานนับพันปี
หลายบทในเล่มกล่าวถึงที่ไปที่มาของเส้นทางสายไหมที่มีทั้งทางบกและทางทะเล – การเรียกขานเส้นทาง – การเดินทางจากต้นทางที่อาณาจักรจีนไปโผล่ที่ทวีปยุโรป – ชนชาติสารพัดที่อยู่บนเส้นทาง – ช่วงรุ่งเรือง และยุคเสื่อมของเส้นทางสำคัญนี้ ตลอดจนการรื้อฟื้นทางสายไหมขึ้นมาในรูปแบบใหม่ในทศวรรษปัจจุบัน
ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าทางสายไหมจะมีอนาคตที่แตกต่างไปจากทุกวันนี้อีกขนาดไหน...แต่...เส้นทางสายไหมในปัจจุบันคือทางเชื่อมยุโรปและเอเชีย(ยูเรเชีย)ที่เราจำเป็นต้องรู้จักกันแล้ว.....หากช้ากว่านี้เราอาจ “ตก” จาก “เส้นทางสายไหม”ก็ได้